เคลือบแก้วคืออะไร?
สำหรับหลายๆคนที่ซื้อรถยนต์ใหม่ หรืออยากทำให้รถยนต์คันเก่ากลับมามีสีสดใสเงาฉ่ำเหมือนใหม่ ทุกวันนี้เป็นเรื่องง่ายมากในการดูแลรักษาสีรถยนต์ให้เงาฉ่ำไปนานๆ เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยิน เคลือบแก้ว แล้วมันคืออะไรละ มันต่างจากขัดเคลือบธรรมดาตรงไหน วันนี้เรามาดูกัน
เคลือบแก้ว มีกี่แบบในปัจจุบัน
1.เคลือบแก้ว แบบทา
เป็นวิธีการทำเคลือบแก้วแบบดั้งเดิมที่ได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังมีวิธีการทา สารเคลือบแก้วอยู่ ซึ่งขั้นตอนการทาสารเคลือบแก้วนั้นจะต้องปรับผิวสีรถให้พร้อมก่อนการลงสารเคลือบแก้ว ด้วยการเคลือบแบบทาด้วยมือแบบนี้เองจึงจำเป็นต้องใช้ทักษะและช่างผู้ชำนาญงานที่ทาสารเคลือบแก้วให้กระจายทั่วทั้งพื้นผิวรถยนต์ ไม่บาง และไม่หนาไป
2.เคลือบแก้ว แบบพ่น
เป็นระบบการทำเคลือบแก้วด้วยวิธีการพ่นสารเคลือบแก้ว ที่ถูกออกแบบและพัฒนามาจากอุตสาหกรรมพ่นสีรถยนต์ในปัจจุบัน ซึ่งถอดแบบความพิเศษของสารพ่นสีรถยนต์ หรือ กระจายตัวได้ดีและระเหยได้ไว โดยไม่ต้องเช็ดของเหลวออก ทั้งเคลือบแก้วในระบบนี้ให้ความคงทน เงางาม ประกายที่ฉ่ำได้นานกว่า
ข้อดีของการเคลือบแก้ว
-ช่วยปกป้องและรักษาสีรถ ทำให้สีรถดูสวยเงางาม วาวฉ่ำ เหมือนรถใหม่ตลอดเวลา
-การเคลือบแก้วเป็นเสมือนเกราะป้องกันแสงแดดและรังสียูวี ทำให้สีรถคงทนและอยู่ได้นานขึ้น ไม่ซีดหมอง
-ป้องกันคราบเปื้อนต่างๆ เช่น ฝุ่น มูลนก ยางมะตอย หยดน้ำ น้ำฝน ทำให้น้ำเกาะผิวรถน้อย ไม่ทิ้งคราบน้ำ
-ช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วน รอยขนผ้า และรอยขนแมว
-ทำความสะอาดรถได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แค่ใช้น้ำฉีด คราบสกปรกก็หลุดออกมาแล้ว
-เหมาะสำหรับรถที่เป็นรอยง่าย เปื้อนง่าย เช่น รถสีขาวและรถสีดำ
-การเคลือบแก้วหนึ่งครั้ง จะอยู่ได้ประมาณ 2 – 3 ปี (แล้วแต่ศูนย์บริการ) ซึ่งนานกว่าเคลือบแว็กซ์ หรือเคลือบสีรถปกติ